แม้เดือนสิงหาคมของทุกปีมักจะเป็นเดือนที่เป็นช่วงพักเบรกซัมเมอร์ของ F1 แต่ถึงจะไม่มีการแข่งขัน เรื่องราวกลับไม่ได้เงียบตาม
เพราะนี่คือช่วงเวลาที่สำคัญของการเปิดฟลอร์เก้าอี้ดนตรี นักแข่งคนเก่าโบกมือลา นักแข่งคนใหม่เข้ามาแทนที่ และสำหรับตลาดนักแข่งปี 2023 มันดราม่าเสียจนมีคนโดนหักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ขาตั้งหลัก ขอพาทุกท่านไปชมเรื่องราวในตลาดนักแข่ง F1 ที่มีเรื่องราวมากมายไม่แพ้ตลาดซื้อขายนักฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย
ฤดูกาลโง่
ฤดูกาลโง่ คือคำแสลงที่มีความหมายหลากหลาย โดยในทางกีฬาหมายถึง ช่วงที่ไม่มีการแข่งขันที่จะมีข่าวลือต่างๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การย้ายสังกัดของนักกีฬา
F1 ก็เป็นอีกรายการที่นำคำนี้มาใช้ ซึ่งข่าวลือบางข่าวก็ดูเวอร์วังเกินจริง ทว่าในหลายครั้งหลายหนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็เหลือเชื่อกว่าข่าวลือเสียอีก และความจริงอันเหลือเชื่อเหล่านั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงพักเบรกซัมเมอร์ของ F1 ฤดูกาล 2022
อันที่จริง โดมิโนตัวแรกล้มลงตั้งแต่สนามสุดท้ายก่อนพักเบรกแล้วด้วยซ้ำ เมื่อ เซบาสเตียน เฟทเทล (เซบาสเตียน เวทเทล) แชมป์โลก 4 สมัยชาวเยอรมัน ผู้ไม่เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวแก่สาธารณชนนัก จากการที่ไม่มีแอ็กเคาต์โซเชียลมีเดีย ตัดสินใจเปิดแอ็กเคาต์อินสตาแกรมเป็นครั้งแรก ในช่วงสัปดาห์การแข่งขันรายการ ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ ที่ฮังกาโรริง ประเทศฮังการี
แต่โพสต์แรกบน IG กลายเป็นเรื่องใหญ่กว่า เมื่อเจ้าตัวอัดคลิปเป็นภาษาอังกฤษและเยอรมัน ประกาศว่าจะเลิกแข่ง F1 หลังจากที่ฤดูกาล 2022 จบลง โดยให้เหตุผลว่า เป้าหมายในชีวิตได้เปลี่ยนไป เพราะเขาต้องการใช้เวลากับครอบครัวและดูแลลูกๆทั้ง 3 คนของเขาอย่างเต็มที่ เพื่อชดเชยเวลาที่หายไปจากการแข่งขันก่อนหน้านี้
และหลังจบการแข่งขันที่ฮังกาโรริงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม วันต่อมา 1 สิงหาคม ซัมเมอร์อันบ้าคลั่งของ F1 ก็เปิดฉากอย่างเร้าใจ เมื่อทีม แอสตัน มาร์ติน
(แอสตัน มาร์ติน) ประกาศว่าพวกเขาได้ตัวคนที่จะมาแทนเฟทเทลแล้ว นั่นคือ เฟร์นานโด อลอนโซ่ (เฟอร์นันโด อลอนโซ่) แชมป์โลก 2 สมัยวัยเก๋าชาวสเปน ที่จะย้ายมาจากทีม อัลพีน (อัลไพน์)
วันต่อมา อัลพีนตอบสนองกับการเสียนักแข่งมากประสบการณ์ ด้วยการประกาศว่า ออสการ์ พิอาสตรี (ออสการ์ เปียสตรี) นักซิ่งหนุ่มออสเตรเลีย ดีกรีแชมป์ F2 ฤดูกาล 2021 ที่เป็นทั้งเด็กปั้นของอัลพีนเองและเป็นมือขับสำรองของทีมอยู่แล้ว ได้รับการโปรโมตสู่เวทีการแข่งขันรุ่นใหญ่ .. เพื่อถูกหักหน้าในไม่กี่อึดใจต่อมา เพราะพิอาสตรีใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของเขาชี้แจงว่า เจ้าตัวไม่เห็นชอบด้วยกับแถลงการณ์นี้
“ผมรับทราบมาว่าทีมอัลพีนได้ออกแถลงการณ์ว่าผมจะลงแข่งให้พวกเขาในปีหน้าโดยไม่ผ่านการยินยอมจากผม นี่คือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ผมไม่ได้เซ็นสัญญากับอัลพีนในปี 2023 และผมจะไม่ขับให้กับอัลพีนในปีหน้า”
นั่นทำให้ตลาดนักแข่ง F1 ปั่นป่วนอย่างที่ไม่ได้เห็นกันมานาน ..
วางยาใส่ทีมเก่า
F1 ถือเป็นเวทีการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีกลุ่มคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะได้ลงแข่ง นั่นจึงทำให้การแย่งชิงที่นั่งยิ่งดุเดือด เพราะคนที่อยู่มาก่อนก็ต้องการแข่งต่อ ส่วนคนที่อยู่นอกวงก็ต้องการเข้าสู่การแข่งขัน ราวกับสำนวน “คนในไม่อยากออก คนนอกอยากเข้า” อย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งสถานการณ์ในปี 2023 ที่เฟทเทลตัดสินใจเลิกแข่ง เก้าอี้ที่ว่างนั้นจึงยิ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษจากหลายคน แต่ดูเหมือน แอสตัน มาร์ติน จะมีตัวเลือกในใจอยู่แล้ว
เนื่องจากหากไม่มีอะไรพลิกผันจริงๆ อย่างไรเสียก็ต้องสงวนโควตา 1 คนให้กับ แลนซ์ สโตรลล์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ลอว์เรนซ์ สโตรลล์ เจ้าของทีม โควตาที่เหลือของ แอสตัน มาร์ติน จึงต้องการคนที่จะมายกระดับทีมได้อย่างรวดเร็วทั้งในและนอกสนาม ซึ่งอลอนโซ่คือคนที่เหมาะสมที่สุด
จริงอยู่ที่ในปี 2022 นักแข่งจากเมืองโอเบียโดผู้นี้อายุอานามปาเข้าไป 41 ปี ซึ่งกับหลายคนคงเลิกแข่งไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว แถมยังหายหน้าจากกริด F1 ไปถึง 2 ปีในช่วงปี 2019-2020 แต่ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด อลอนโซ่ยังทำผลงานได้ดีชนิดที่รุ่นน้องยังต้องคารวะ ผ่านไป 13 สนามในฤดูกาล 2022 เขาเก็บแต้มได้ถึง 9 สนาม และโพเดียมล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในศึกกาตาร์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อปี 2021 นี้เอง ไม่เพียงเท่านั้น ลีลาการขับยังคงเก๋าจนกลายเป็นหัวขบวนรถไฟในกลุ่มกลางของการแข่งขัน ชนิดที่หากไม่แน่จริงก็แซงไม่ได้
นโยบายของแอสตัน มาร์ติน ชัดเจนมาตั้งแต่การรีแบรนด์จาก เรซซิ่งพอยต์ (จุดแข่ง) ลูกชายเจ้าของทีมยืนหนึ่ง อีกคนคือนักแข่งมากประสบการณ์ที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำมาตั้งแต่ฤดูกาล 2021 กับการคว้าตัวเฟทเทลมาร่วมทัพ
และเมื่อเฟทเทลกำลังอยู่ในจุดที่ต้องเลือกว่าจะแข่งต่อหรือเลิก แอสตัน มาร์ติน จึงได้เริ่มทาบทามอลอนโซ่ นักแข่งที่มีโปรไฟล์ใกล้เคียงกับเฟทเทลที่สุดแบบลับๆ พร้อมขอให้นักซิ่งชาวเยอรมันตัดสินใจให้ชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งเมื่อเฟทเทลขอเลิกแข่ง แอสตัน มาร์ติน จึงเดินหน้าปิดดีลอลอนโซ่ได้อย่างรวดเร็วเสียจน ออตมาร์ ซาฟนาวเออร์
(ออตมาร์ ซาฟเนาเออร์) บอสของทีมอัลพีนคนปัจจุบัน และอดีตบอสของทีมแอสตัน มาร์ติน กับเรซซิ่ง พอยต์ ยอมรับว่า กว่าจะรู้ถึงการตัดสินใจของอลอนโซ่ก็คือวันที่แอสตัน มาร์ติน แถลงคว้าตัวเขาไปแล้ว เพราะจากที่คุยกันก่อนหน้านี้ ทีมยังมั่นใจว่าจะเก็บเขาไว้ต่อไปได้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อลอนโซ่ย้ายทีมคือ เงื่อนไขสัญญา เรื่องดังกล่าวซาฟนาวเออร์ยืนยันเองว่า อัลพีนได้ยื่นสัญญา 1 ปีบวกออปชั่น 1 ปีให้ ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของอลอนโซ่ ผู้เชื่อว่ายังมีไฟและแรงพอจะขับได้อีกหลายปี การแยกทางสู่แอสตัน มาร์ติน ครั้งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะว่าที่ต้นสังกัดใหม่เสนอสัญญาแบบ “หลายปี” (ขั้นต่ำ 2 ปี) ให้
เมื่อ อลอนโซ่ ย้ายออกไป หลายคนคงคิดว่าแบบนี้ก็เข้าทางอัลพีนที่จะดัน พิอาสตรี ซึ่งการเป็นแชมป์ F2 ปี 2021 กลายเป็นยาขม เมื่อมันทำให้เขาไม่สามารถแข่งขันในรุ่นรองได้อีกตามกฎ จนจำต้องพักการแข่งขันเพื่อรอโอกาสขึ้นสู่ F1 เวทีการซิ่งในฝันที่เขาโหยหามานาน
แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งนี่คือแทคติกการวางยาใส่ว่าที่อดีตต้นสังกัดตัวเองอย่างแยบยลของอลอนโซ่ เพราะแม้อัลพีนอยากดันพิอาสตรีขึ้นมามากแค่ไหนแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อ 2 นักขับตัวจริงยังมีสัญญากับทีมอยู่ เอสเตบัน โอคอน(เอสเตบัน โอคอน) มีสัญญาถึงปี 2024 ส่วนอลอนโซ่ แม้สัญญาจะสิ้นสุดแค่ปี 2022 แต่ด้วยประสบการณ์และภาพลักษณ์ของนักซิ่งชาวสเปนผู้นี้ทำให้ทีมจำต้องเสนอสัญญาให้เขาก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่าพิอาสตรีจะยังไม่ได้ขับรถ F1 ให้กับทีมต่อไป
แม้อัลพีนมีแผนสองคือการเสนอพิอาสตรีให้ทีมแข่งอื่นๆยืมตัวไปใช้งานก่อน และมีการเจรจากับ วิลเลียมส์ (วิลเลียมส์) อดีตยักษ์ใหญ่ผู้หลับไหลในปัจจุบันเพื่อให้พิอาสตรีไปร่วมทีมแทนที่ใครสักคนระหว่าง อเล็กซ์ อัลบอน (อเล็กซ์ อัลบอน) นักแข่งสัญชาติไทย และ นิโคลัส ลาติฟี (นิโคลัส ลาติฟี) มือซิ่งชาวแคนาดา แต่ข้อเสนอดูไม่เป็นที่พอใจของฝั่งพิอาสตรีนัก
ที่สุดแล้ว มาร์ค เว็บเบอร์ (มาร์ค เว็บเบอร์) อดีตนักซิ่งฝีมือดีชาวออสเตรเลีย ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นผู้จัดการให้นักแข่ง ซึ่งพิอาสตรีที่เป็นรุ่นน้องร่วมชาติก็อยู่ในการดูแลของเขา ตัดสินใจงัดแผนลับออกมาใช้ เนื่องจากในสัญญาระหว่างอัลพีนกับพิอาสตรีระบุว่า หากอัลพีนหาที่นั่ง F1 ให้กับพิอาสตรีไม่ได้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2022 นักซิ่งผู้นี้จะเป็นอิสระและสามารถเจรจากับทีมไหนก็ได้ทันที และเขาได้เดินเรื่องด้วยการซุ่มเจรจากับทีมอื่น ซึ่งหนึ่งในทีมที่มีข่าวลือคือ แมคลาเรน (แม็คลาเรน) เพื่อให้พิอาสตรีมาแทนที่ แดเนียล ริคคาร์โด้(แดเนียล ริคชิอาร์โด) ที่แม้สัญญาจะหมดปลายปี 2023 และเป็นผู้คว้าชัยชนะล่าสุดให้ทีมที่ มอนซา ประเทศอิตาลี เมื่อปี 2021 แต่ผลงานระยะหลังไม่เป็นที่พอใจนัก สู้เด็กปั้นของทีมอย่าง แลนโด นอร์ริส (แลนโด นอร์ริส) ที่มีสัญญาถึงปี 2025 ไม่ได้เลย
เมื่อการตัดสินใจของอลอนโซ่ว่าจะอยู่หรือไปช้ากว่าที่คาดไว้ และกว่าที่ความชัดเจนจะปรากฏก็ล่วงเลยมาถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2022 นั่นเท่ากับว่าอลอนโซ่ทิ้งระเบิดลูกแรกสำเร็จไปแล้ว แถมยังระเบิดเด้งสองชิ่ง ชิ่งแรกคือทำให้ตำแหน่งนักขับของอัลพีนว่างลง 1 ตำแหน่ง อีกชิ่งคือทำให้ออปชั่นที่อัลพีนมีกับพิอาสตรีผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะมาเลื่อยขาเก้าอี้ของเขาหมดอายุลง และบางทีเจ้าตัวในฐานะนักแข่งที่มากอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งบนกริด อาจจะได้ข่าวมาแล้วว่าพิอาสตรีกำลังเจรจากับทีมอื่นอยู่ และดูเป็นไปด้วยดี
เมื่ออัลพีนออกแถลงการณ์ว่า พิอาสตรีจะได้ขับ F1 ให้กับทีม ความเคลือบแคลงสงสัยจึงตามมามากมาย เพราะในแถลงการณ์ ไม่มีโควตคำพูดจากเจ้าตัวเลย ก่อนที่สุดแล้วพิอาสตรีจะทิ้งระเบิดลูกที่สองด้วยการบอกว่าจะไม่ไปขับให้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาอาจได้ทีมใหม่ไปแล้ว
แต่ในขณะที่แคมป์ของอัลพีนกำลังร้อนระอุ อีกซีกโลกในสหรัฐอเมริกา คนในวงการความเร็วที่นั่นอาจรู้สึกคุ้นๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นใน F1 ตอนนี้ พวกเขาเพิ่งเจอมาเมื่อไม่นานก่อนหน้า ..
นาสคาร์
ข้ามฟากไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ความนิยมของ F1 จะสู้ นาสคาร์ รวมถึง อันเป็นการแข่งขันรถภายในประเทศไม่ได้ แต่ F1 กับ กลับมีความใกล้ชิดกันกว่าที่คิด เพราะนักซิ่งหลายคนในเวทีดังกล่าวคืออดีตนักแข่ง F1 และหลายคนก็เป็นดาวรุ่งจากเวทีรองที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาโกยเงิน และหวังลึกๆว่าจะมีทีมใน F1 หมายตา
ดราม่าเก้าอี้ดนตรีก็เกิดขึ้นในเวที ไม่นานมานี้เช่นกัน เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา ชิป กานาสซี่ เรซซิ่ง (ชิป กานาซซี่ เรซซิ่ง) ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาได้ใช้ออปชั่นต่อสัญญา อเล็กซ์ พาโล (อเล็กซ์ ปาลู) แชมป์ประจำปี 2021 ให้อยู่กับทีมต่อในปี 2023
แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อให้พาโลหักหน้าในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา เมื่อพาโลโพสต์ทวิตเตอร์เผยว่า ชิป กานาสซี่ เรซซิ่ง ใช้ออปชั่นต่อสัญญาโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากเขา แถมยังแต่งคำพูดที่เขาไม่ได้เอ่ยปากออกมาเองอีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวได้แจ้งกับต้นสังกัดไปแล้วว่าจะขอออกจากทีมหลังจบฤดูกาล 2022
และสถานีต่อไปของพาโลก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อ แมคลาเรน ที่ทำทีมลงแข่งใน ด้วย ประกาศว่าพาโลจะมาเป็นนักแข่ง ของทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2023 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีโบนัสคือการได้ลงทดสอบรถแข่ง F1 ของแมคลาเรนอีกด้วย ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่านี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พาโลย้ายทีม เพราะด้วยวัย 25 ปีในปี 2022 ยังไม่มากเกินไปที่จะเข้าสู่เวที F1 และแมคลาเรนจะเป็นเส้นทางที่สานฝันของเขาให้เป็นจริง
เมื่อดราม่ากลายเป็นมีม
ดราม่าเรื่องสัญญาไม่เป็นสัญญาใน กลายเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล เมื่อ ชิป กานาสซี่ เรซซิ่ง ตัดสินใจยื่นฟ้องพาโล ที่กำลังจะเป็นอดีตลูกทีมของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย
แต่สำหรับดราม่าลักษณะเดียวกันใน F1 มันกลายเป็นมีมที่ไม่ได้เล่นกันเฉพาะในวงการตัวเองเท่านั้นอีกต่อไป
และคนที่เปิดประเดิมเอาดราม่าไปทำเป็นมีมในครั้งนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อเล็กซ์ อัลบอน ที่หลังจากเหตุการณ์ปั่นป่วนตลาดนักแข่ง F1 เกิดขึ้นเพียงวันเดียวก็ถึงเวลาที่เจ้าตัวกลายเป็นพาดหัวข่าวเองบ้าง ทว่าสถานการณ์ลงเอยในทางที่ดี เมื่อ วิลเลี่ยมส์ ประกาศต่อสัญญากับเขาแบบหลายปี จากผลงานที่สามารถเค้นรถซึ่งถูกขนานนามว่าแย่ที่สุดบนกริดจนเก็บคะแนนให้ทีมได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ฉลองด้วยการหยิบทวีตของพิอาสตรีมายำใหญ่ จนแม้แต่คนต้นเรื่องยังชอบใจ
“ผมรับทราบว่าวิลเลี่ยมส์ได้ออกแถลงการณ์โดยได้รับการเห็นชอบจากผมเองแล้วว่าผมจะขับให้กับพวกเขาในปีหน้า นั่นถูกต้องแล้ว ผมได้เซ็นสัญญากับวิลเลี่ยมส์ในปี 2023 และผมจะขับให้กับวิลเลี่ยมส์ในปีหน้า”
และทวีตทิ้งบอมบ์ของพิอาสตรีก็กลายเป็นต้นฉบับของมีมที่ลามไปถึงวงการฟุตบอล เมื่อ เซบียา ดัดแปลงไปเล่นกับข่าวการย้ายมาร่วมทีมของ อเล็กซ์ เตลเลส แบบยืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่โหมโรงก่อนเปิดฤดูกาล 2022-23 ด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับเรื่องราวดราม่าเก้าอี้ดนตรี F1 ในครั้งนี้น่าจะได้บทสรุปในอีกไม่นาน เมื่อมีรายงานว่า คณะกรรมการรับรองสัญญาของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ ได้ตรวจสอบสัญญาของพิอาสตรี ทั้งที่ทำไว้กับอัลพีนและแมคลาเรนแล้ว ก่อนจะมีคำตัดสินว่าออปชั่นการลงแข่ง F1 ปี 2023 ในสัญญาที่อัลพีนทำไว้กับพิอาสตรีไม่ได้ถูกใช้งานในเวลาที่กำหนด ทำให้ตัวนักแข่งมีอิสระที่จะไปเจรจากับทีมใดก็ได้ ขณะที่สัญญาซึ่งแมคลาเรนทำไว้กับพิอาสตรีนั้นถูกต้องสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น คำตัดสินของ CRB ยังถือเป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากทุกทีมได้มอบอำนาจให้ CRB มีสิทธิ์เด็ดขาดในการตรวจสอบและพิจารณาสัญญานักแข่ง
จากจุดนี้เหลือเพียงแค่แมคลาเรนต้องเจรจาฉีกสัญญากับริคคาร์โด้ให้ได้ เพื่อเคลียร์ตำแหน่งนักขับรอการเปิดตัวของพิอาสตรีในเร็วๆนี้
ดราม่าระลอกนี้ดูเหมือนแทบทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ อลอนโซ่ ได้ค่าเหนื่อยและระยะสัญญาที่เจ้าตัวพอใจ, แอสตัน มาร์ติน ได้นักแข่งที่มีทั้งฝีมือและภาพลักษณ์ติตตลาดมาอยู่กับทีม, พิอาสตรี ได้ขับรถ F1 ในฐานะนักแข่งตัวจริงสมใจ
จะมีฝ่ายที่เสียประโยชน์ ก็คงเป็น อัลพีน ที่ถูกหักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียทั้งนักแข่งจอมเก๋า เสียดาวรุ่งที่คาดหมายว่าจะเป็นตัวตายตัวแทน แถมต้องหามือซิ่งคนใหม่อีกครั้ง รวมถึง ริคคาร์โด้ ซึ่งอาจต้องตกงานแบบไม่รู้ตัว เพราะยังเดาลำบากว่าสถานีต่อไปจะลงเอยที่ใด? จะได้กลับไปทีมเก่าอย่าง อัลพีน ที่เจ้าตัวเคยลงแข่งระหว่างปี 2019-2020 สมัยใช้ชื่อ เรโนลต์ หริอต้องอำลา F1 ไปตลอดกาล?